2. หลักการรวบรวมข้อมูลอย่างจำกัด

2.1 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บรวบรวม

นโยบายฉบับนี้จะใช้กับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทอาจเก็บรวบรวมไว้ตามที่กฎหมายกำหนด หรือเพื่อการจำเป็นในการปฏิบัติให้บรรลุวัตถุประสงค์แห่งสัญญา และรวมถึงกรณีที่เจ้าของข้อมูลได้ให้ความยินยอมไว้กับบริษัท ดังนี้

(ก) ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป เช่น ชื่อ นามสกุล ลายมือชื่อ วัน เดือน ปีเกิด หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนหรือหนังสือเดินทางหรือบัตรประจำตัวที่ราชการออกให้ ที่อยู่ตามบัตรประชาชน ที่อยู่ตามภูมิลำเนา ที่อยู่ปัจจุบัน หมายเลขโทรศัพท์มือถือหรือหมายเลขโทรศัพท์อื่นๆ บัญชีผู้ใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์ และ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ เลขที่บัญชีเงินฝากธนาคาร บัญชีหรือรายการหรือประวัติการถือครองหุ้นหรือหลักทรัพย์ รูปถ่ายในบัตรประชาชน ภาพถ่ายการเข้าร่วมกิจกรรม ที่ใช้ในการแข่งขันหรือร่วมกิจกรรม รหัสพนักงาน เทปบันทึกเสียงการสนทนาทั้งส่วนของพนักงาน คู่ค้า ลูกค้า เป็นต้น

(ข) ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวต่อความรู้สึกของบุคคล เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อชาติ สัญชาติ ศาสนา หมู่เลือด สถานภาพทางครอบครัว ผลการตรวจสุขภาพ ประวัติการรักษาพยาบาล ประวัติการประสบอันตรายทั้งเนื่องจากการทำงาน หรือไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานแต่ได้นำมาแสดงกับ บริษัท ผลการวินิจฉัยโรค ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลความพิการทางร่างกาย ข้อมูลประวัติอาชญากรรม ภาพสแกนใบหน้า ดวงตา หรือลายนิ้วมือ รวมถึงข้อมูลชีวภาพตามที่กฎหมายกำหนด

(ค)  ข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ เช่น ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน ทะเบียนรถยนต์ รถจักรยานยนต์ที่ได้จดทะเบียนไว้กับหน่วยงานราชการ เลขที่หรือรหัสผู้ประกอบวิชาชีพตามที่กฎหมายกำหนด หมายเลขอ้างอิงผลิตภัณฑ์ที่ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ได้ลงทะเบียนเพื่อรับประกันสินค้าหรือบริการนั้น ๆ สถานะทางการเงิน รายได้ ภาระหนี้ พฤติกรรมการบริโภค รีวิวแสดงความคิดเห็นหรือความพึงพอใจหรือประสบการณ์ในการใช้สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ ความคิดเห็นในการเข้าร่วมกิจกรรม เข้าชมงานทั้งออนไลน์และออฟไลน์ บันทึกจากการถ่ายภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหวของผู้เข้าชมงานแสดงสินค้า คำให้สัมภาษณ์ แบบลงทะเบียน คูปองชิงรางวัล รวมถึงข้อมูลอื่นใดที่ไม่ใช่ข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรง แต่เมื่อมีการนำข้อมูลดังกล่าวมาประกอบกันแล้วทำให้สามารถระบุตัวบุคคลผู้เป็นเจ้าของข้อมูลได้

2.2 การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

2.2.1 ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป

แม้ว่ากฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะคู่สัญญาโดยตรง หรือเป็นผู้ที่ต้องกระทำการแทนนิติบุคคล หรือผู้รับมอบอำนาจจากผู้มีอำนาจในการเข้าทำนิติกรรมเป็นคู่สัญญา ได้โดยไม่ขอความยินยอมตามหลักการขอความยินยอมของกฎหมายก็ตาม บริษัทก็ยังคงรักษาไว้ซึ่งการมีส่วนร่วม โดยจะจัดให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้รับทราบโดยชัดแจ้งว่า คู่สัญญาจะต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะที่จำเป็นในการเข้าเป็นสัญญาในฐานะคู่สัญญาที่บริษัท และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยเรื่องของนิติกรรมหรือสัญญานั้น ๆ นอกเหนือจากที่ได้กำหนดไว้แล้ว บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลได้โดยไม่ต้องขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีดังต่อไปนี้

(ก) การเก็บรวบรวมที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการป้องกันที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิ และ เสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด

(ข) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล

(ค) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญากับบริษัท หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญาใด ๆ กับ บริษัท

(ง) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือปฏิบัติหน้าที่

ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่บริษัท

(จ) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือบุคคล หรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ บริษัท เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

(ฉ) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายซึ่งบริษัทมีหน้าที่ต้องปฏิบัติ

 

2.2.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวต่อความรู้สึกของบุคคล

บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวโดยไม่ต้องขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้

(ก) ในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคลซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่สามารถให้ความยินยอมได้ ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม

(ข) เป็นข้อมูลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ยินยอมโดยชัดแจ้งให้ไว้แก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นใด เพื่อการเปิดเผยต่อสาธารณะแล้ว

(ค) ในกรณีที่บริษัทจำเป็นเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

(ง) ในกรณีที่บริษัทจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับเวชศาสตร์ป้องกันหรืออาชีวเวชศาสตร์ การประเมินความสามารถในการทำงานของพนักงาน การวินิจฉัยโรคทางการแพทย์ หรือประโยชน์สาธารณะด้านการสาธารณสุข รวมถึงให้เป็นไปตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน การประกันสังคม หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของผู้มีสิทธิตามกฎหมาย การคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ หรือการคุ้มครองทางสังคม การศึกษาวิจัยทางสถิติ หรือประโยชน์สาธารณะอื่น และให้รวมถึงกรณีที่มีการดำเนินการเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ ซึ่งบริษัทได้จัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานและประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

2.3 การเก็บรวบรวม และการได้รับข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทยึดมั่นตามบทบัญญัติของกฎหมาย โดยจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากเจ้าของข้อมูลเท่านั้น เว้นแต่กรณีจำเป็นที่เจ้าของข้อมูลไม่อาจหรือไม่ได้เป็นผู้ที่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวไว้ บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งอื่น ทั้งนี้จะเป็นไปเฉพาะแต่กรณีที่ บริษัท ได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้น โดยทั่วไปกรณีที่บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากเจ้าของข้อมูลโดยตรง และจากแหล่งอื่น ได้แก่

2.3.1 ผู้สมัครงาน หรือพนักงาน

(ก) ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ หรือโรคประจำตัวของผู้สมัครงานที่บริษัทกำหนดให้ผู้ที่จะเข้าทำงานกับบริษัท ในฐานะลูกจ้าง ทำการตรวจสุขภาพของตนเองก่อนเข้าทำงาน โดยให้สถานพยาบาลที่ทำการตรวจสุขภาพส่งผลการตรวจให้แก่บริษัท

(ข) ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับประวัติการถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย หรือประวัติอาชญากรรม โดยบริษัทอาจกำหนดให้เฉพาะแต่ตำแหน่งงานที่จะว่าจ้างนั้น ๆ มีความจำเป็นจะต้องตรวจสอบประวัติการถูกดำเนินคดีทางกฎหมายหรือประวัติอาชญากรรม โดยบริษัทอาจกำหนดให้ผู้นั้นไปทำการตรวจสอบด้วยตนเองหรือมอบหมายให้บริษัทดำเนินการให้ ทั้งนี้เมื่อบริษัทได้รับทราบผลการตรวจสอบแล้ว บริษัทจะเก็บเอกสารที่มีข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวไว้โดยไม่มีการบันทึกข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวไว้ตามมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสมเพียงพอ ซึ่งจะเก็บไว้ไม่เกิน 6 เดือนนับจากที่ได้รับข้อมูลนั้น เมื่อครบกำหนดระยะเวลาจัดเก็บแล้ว บริษัทจะทำการย่อยเอกสารด้วยเครื่องย่อยเอกสารของบริษัทในทันที

(ค) ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับประวัติการทำงานก่อนหน้าที่จะทำงานกับบริษัท โดยได้กำหนดให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้ความยินยอมโดยชัดแจ้งก่อนทุกครั้ง โดยบริษัทจะแจ้งการให้ความยินยอมให้แก่บุคคลภายนอกนั้น ๆ ทราบล่วงหน้าก่อนการส่งข้อมูลดังกล่าวมายังบริษัท

2.3.2 ลูกค้า ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์

กรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้ความสนใจในผลิตภัณฑ์ หรือสั่งซื้อสินค้าจาก บริษัท รวมถึงการติดต่อเพื่อบริการหลังการขาย การรีวิวแสดงความคิดเห็น ความพึงพอใจในการใช้สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ การติดต่อระหว่างเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลกับบริษัทไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพท์ e-mail แอปพลิเคชันของบริษัท แอปพลิเคชันที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร ศูนย์บริการลูกค้า หรือการติดต่อโดยวิธีการอื่นใด บริษัทอาจดำเนินการบันทึกข้อมูลการติดต่อสื่อสารเหล่านั้นเพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เช่น เพื่อใช้เป็นหลักฐาน เพื่อพัฒนาและปรับปรุงบริการ เพื่อติดตามความพึงพอใจของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่ออบรมบุคลากร เพื่อประเมินผลการทดสอบบุคลากร เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงเพื่อพัฒนาระบบของ บริษัท

2.3.3 คู่ค้า

กรณีที่คู่ค้า ได้มอบหมายให้บุคคลคนเดียวหรือหลายคน ต้องติดต่อกับ บริษัท เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนด เงื่อนไขของการเป็นคู่สัญญา ไม่ว่าจะในฐานะผู้ขาย ผู้ฝากขาย ผู้ให้บริการ ผู้แทน ผู้จัดจำหน่าย ทั้งสินค้ารวมถึงศูนย์บริการในนามบริษัท ซึ่งกำหนดมาตรฐานความสามารถของบุคลากรที่เกี่ยวข้องนั้น ๆ ให้สามารถให้บริการหรือตอบสนองต่อการใช้สินค้าหรือบริการ บริษัทจะมีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลเช่นว่านั้นเพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้เอกสารฉบับนี้ หรือตามเงื่อนไขของสัญญานั้น ๆ